โรงเรียนต้นแบบในฝันเขามีอะไรดี...อยากเล่าให้ฟัง...เมื่อเดือนที่แล้ว ดิฉันมีโอกาสไปเยี่ยมโรงเรียนต้นแบบโรงเรียนในฝัน พบครูมาลีเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการตรวจเยี่ยมเพื่อรับรองเป็นโรงเรียนต้นแบบในฝัน มีหลายอย่างที่ภายในโรงเรียนเปลี่ยนไป สิ่งแรกที่เธอบอกคือหลังจากการประเมินและรับรองเป็นโรงเรียนต้นแบบมีสิ่งที่เปลี่ยนไปมากเลย ความรู้สึกขณะนั้นอยากรู้มากเลยว่าเปลี่ยนอย่างไร เลยตั้งคำถามเริ่มต้นเก็บข้อมูลทันทีว่า
Nancy : "เปลี่ยนยังไงคะ"
ครูมาลี : เปลี่ยนซิคะท่านสอนอ. ผอ. ช่วยหาอุปกรณ์การเรียนการสอนให้คณะครูเรา พัฒนาห้องปฏิบัติการตามที่เสนอขอ ครูในการทำงานมีความสุข ไม่เครียด ผอ.หาอุปกรณ์สนับสนุนการทำงานจากศิษย์เก่า ผู้ปกครอง ตามที่ครูขอ
Nancy : น้องขออะไรจากท่าน ผอ.คะ
ครูมาลี : หนูขอคอมพิวเตอร์มาไว้ในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ เพราะวันที่อาจารย์มาประเมินที่ห้องหนูมีตัวเดียว ไม่พอกับนักเรียน เวลาเด็กมาใช้ในการสืบค้นข้อมูลขณเรียน ห้องหนูมีนักเรียน 35 คน
Nancy : แล้วครูคนอื่น ๆ เขาขอได้เหมือนเธอหรือเปล่า
ครูมาลี : ได้เหมือนกันค่ะ แต่เราจะขอไม่เหมือนกัน อีกอย่างคือ ผอ.ไม่ควบคุมการทำงานของเราให้พวกเราทำงานอย่างมีความสุข ให้เราคิดตัดสินใจเองได้ เมื่อก่อนจะต้องทำตามที่ท่านสั่ง หากอยากจะทำอะไรเกินกว่าที่บอกจะต้องบอกและได้รับอนุมัติก่อน เดี๋ยวนี้ท่านเดินดู ขาดเหลืออะไรให้บอกท่าน ท่านพยายามขอบริจาค หามาให้เรา ก็สงสารท่านเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นหนี้เท่าไหร่
Nancy : โชคดีจังเลยที่ผอ. ช่วยเหลือสนับสนุน ห้องปฏิบัติการเปลี่ยนไปมากเลย แล้วนี่น้องคิดปรับเปลยี่ยงานในห้องนี้เพิ่ม(ปฏิบัติการวิทย์) คนเดียวเลยเหรอคะ
ครูมาลี : ไม่หรอกค่ะ เราช่วยกันคิด ครูที่สอนวิทยาศาสตร์ด้วยกันช่วยกันออกแบบและมีครูอ้วนที่เป็นครู ICT มาช่วยอีกแรงหนึ่ง
Nancy : น้องเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงอีกคะในโรงเรียนเรา
ครูมาลี : หลายอย่างค่ะ อันแรกคือไม่เห็นมีโครงการไหนที่ครูลงมาช่วยกันทำงานพัฒนานักเรียนมากขนาดนี้ทั้งโรงเรียนเลย เด็กเราก็เปลี่ยน คือมีจิตอาสาถามหางานที่จะช่วยเหลือครูและงานเพื่อน ๆ ที่มอบหมาย และเด็กกล้าแสดงออก ห้องเรียนพร้อมเรียนมีสื่อมากขึ้น โรงเรียนสวย ชุมชนให้ความร่วมมือดีมากเวลามีกิจกรรมในโรงเรียน
Nancy : ผลเป็นทางบวกว่างั้นเหอะ ?
ครูมาลี : ค่ะ และเดี๋ยวนี้โรงเรียนเรามีครูและนักเรียนโรงเรียนอื่นมาดูงานบ่อยมาก
Nancy : สรุปคือโรงเรียนและผอ.ของเธอเปลี่ยนไปว่างั้นเหอะ?
ครูมาลี : ค่ะ ท่านสอ นอ โดยเฉพาะ ผอ.
Nancy : นั่นแหละผู้บริหารโรงเรียนของเธอท่านเป็นผู้บริหารยุคใหม่...
ครูมาลี : ผู้บริหารยุคใหม่ เหรอ
Nancy : ค่ะ ดูจากประการแรก ท่านเปลี่ยนบทบาทจากผู้สั่งการ ควบคุมหารทำงาน เป็นการกระจายอำนาจภาวะผู้นำในโรงเรียน ในการตัดสินใจการทำงานแก่ผู้ร่วมงาน ประการที่ สอง ท่านประสานสัมพันธ์เชื่อมโยงกันของครูให้ครูทำงานเป็นทีม เช่นทีมครูวิทยาศาสตร์และครู ICTระดมความคิดการพัฒนาในห้องนี้ และประสานกับหน่วยงานภายนอกเข้มมามีส่วนร่วม หาอุปกรณ์ให้พวกเธอ และประการที่สาม คือท่านสร้างเครือข่ายพันธมิตร เปิดให้โรงเรียนอื่น ๆมาศึกษาดูงาน นักเรียนโรงเรียนอื่นได้มาเรียนด้วย นั่นแหละสุดยอดของผู้บริหารสถานศึกษายุคใหม่
ครูมาลี : โรงเรียนของเราโชคดีมากค่ะท่าน สอนอ ที่มีผู้บริหารแบบนี้
รู้สึกปลื้มใจอย่างไม่รู้จะบรรยายยังไง เพราะในฐานะผู้ที่เดินเข้าออกโรงเรียนอยู่บ่อย ๆ และเห็นพัฒนาการของโรงเรียน บุคลากร เปลี่ยนไปในเชิงบวก สิ่งสำคัญที่สุดคือ บุคลากรมีทัศนคติเชิงบวกต่อผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งจะส่งผลให้ครูมีพฤติกรรมที่แสดงออกต่อการทำงานในเชิงบวกด้วย ทัศนะคติที่เปลี่ยนจะส่งผลต่อการทำงานร่วมกันในองค์กร เกิดองค์กรแห่งการเรียนรู้ในโรงเรียน นั่นคือผู้บริหาร ครู ปฏิรูปการทำงาน คงอีกไม่นาน คุณภาพของผู้เรียนน่าจะเป็นไปตามความคาดหวัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น